โรคหนองใน - อาการ สาเหตุ และการรักษา
โรคหนองในหรือ Gโอโนเรียเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. ในผู้ชาย, โรคหนองในจะทำให้เกิดอาการในรูปของหนองไหลออกจากองคชาต นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคหนองในจะรู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะ
ตรงกันข้ามกับโรคหนองในในผู้ชาย ถ้าเกิดในผู้หญิง โรคหนองในจะไม่แสดงอาการใดๆ โรคหนองในสามารถหายได้ภายในสองสามวัน หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที
สาเหตุของโรคหนองใน
สาเหตุของโรคหนองในคือการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae. แบคทีเรียนี้มักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางปากและการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก บุคคลนั้นไวต่อโรคหนองในมากขึ้นหากพวกเขาเปลี่ยนคู่นอนบ่อยหรือทำงานเป็นผู้ให้บริการทางเพศ
อาการหนองใน
โรคหนองในสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง แต่อาการที่ปรากฏในผู้ชายและผู้หญิงจะแตกต่างกัน อาการหลักของโรคหนองในที่ปรากฏในผู้ชายคือมีหนองไหลออกมาจากองคชาตและปวดเมื่อปัสสาวะ ในขณะที่ผู้หญิง โรคหนองในมักไม่ก่อให้เกิดอาการ
นอกจากนี้ โรคหนองในยังสามารถเกิดขึ้นได้ในทารกเนื่องจากการติดเชื้อจากมารดาในระหว่างกระบวนการคลอด ทารกที่เป็นโรคหนองในจะมีอาการทางตา
การวินิจฉัยโรคหนองใน
ในการวินิจฉัยโรคหนองใน แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศและทำการตรวจร่างกาย หากจำเป็น แพทย์จะเก็บตัวอย่างของเหลวในร่างกายของผู้ป่วยด้วย โดยเฉพาะของเหลวจากช่องคลอด องคชาต และไส้ตรง ของเหลวนี้จะถูกนำไปที่ห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจ
การรักษาโรคหนองใน
การรักษาหลักสำหรับโรคหนองในคือการใช้ยาปฏิชีวนะ เนื่องจากโรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย พึงระลึกไว้เสมอว่าไม่เพียงแต่ผู้ป่วยเท่านั้นที่ต้องรับการรักษา แต่คู่นอนของผู้ป่วยยังต้องได้รับการรักษาด้วย เพราะพวกเขามักจะเป็นโรคหนองในด้วย หลังจากหายจากโรคหนองในแล้ว อาจมีคนเป็นโรคหนองในได้อีก
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองใน
โรคหนองในที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคหนองในมากกว่าผู้ชาย ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองในที่ปรากฏในผู้ชายคือหลอดน้ำอสุจิและแผลในทางเดินปัสสาวะ
ในขณะเดียวกัน ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองในที่อาจเกิดขึ้นในผู้หญิง ได้แก่ โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบและการอุดตันของท่อนำไข่ ภาวะนี้อาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์จากองุ่นหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
การป้องกันโรคหนองใน
โรคนี้ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทางทวารหนัก. ดังนั้นวิธีป้องกันโรคนี้คือการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย คือ การใช้ถุงยางอนามัยทั้งชายและหญิง หรือไม่เปลี่ยนคู่นอน