เอชไอวีและเอดส์ - อาการ สาเหตุ และการรักษา

เอชไอวี (ไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องของมนุษย์) เป็นไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน โดยการติดเชื้อและทำลายเซลล์ CD4 ยิ่งเซลล์ CD4 ถูกทำลายมากเท่าไหร่ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะยิ่งอ่อนแอลง ทำให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ

การติดเชื้อเอชไอวีที่ไม่ได้รับการรักษาในทันทีจะพัฒนาไปสู่ภาวะร้ายแรงที่เรียกว่าโรคเอดส์ (ได้รับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง). โรคเอดส์เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี ในขั้นตอนนี้ ความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อจะหายไปอย่างสมบูรณ์

จนถึงปัจจุบันยังไม่มียารักษาเอชไอวีและเอดส์ อย่างไรก็ตาม มียาเพื่อชะลอการลุกลามของโรค และสามารถเพิ่มอายุขัยของผู้ติดเชื้อเอชไอวี (PLWHA)

ประเภทเอชไอวี

ไวรัสเอชไอวีแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ HIV-1 และ HIV-2 แต่ละประเภทยังแบ่งออกเป็นหลายประเภทย่อย ในหลายกรณี การติดเชื้อเอชไอวีเกิดจากเชื้อ HIV-1 โดย 90% เป็น HIV-1 subtype M ในขณะที่ทราบกันว่า HIV-2 ส่งผลกระทบต่อบุคคลเพียงไม่กี่ราย ส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกาตะวันตก

การติดเชื้อเอชไอวีอาจเกิดจากไวรัสชนิดย่อยมากกว่า 1 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าบุคคลมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 คน ภาวะนี้เรียกว่า superinfection แม้ว่าภาวะนี้จะเกิดขึ้นได้น้อยกว่า 4% ของผู้ติดเชื้อเอชไอวี แต่ความเสี่ยงของการติดเชื้อขั้นรุนแรงนั้นค่อนข้างสูงในช่วง 3 ปีแรกหลังการติดเชื้อ

เอชไอวีและเอดส์ในอินโดนีเซีย

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย ระหว่างปี 2559 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีมากกว่า 40,000 รายในอินโดนีเซีย ในจำนวนนี้ เอชไอวีพบได้บ่อยในผู้ชายและผู้หญิง รองลงมาคือชายเพศชาย (MSM) และผู้ใช้ยาฉีด (IDUs) ในปีเดียวกันนั้น มีผู้ป่วยโรคเอดส์มากกว่า 7000 คน โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 800 คน

ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียแสดงให้เห็นว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2560 เพียงเดือนเดียว มีรายงานการติดเชื้อเอชไอวีมากกว่า 10,000 รายการ และมีผู้ติดโรคเอดส์ไม่น้อยกว่า 650 รายในอินโดนีเซีย


$config[zx-auto] not found$config[zx-overlay] not found